top of page
รูปภาพนักเขียนsiamchai service

เรื่องน่ารู้ก่อนซื้อทีวี

เทคโนโลยีของทีวี พัฒนาไปไกลไม่ต่างจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ทั้งหมดนั้นก็เพื่อเพิ่มอรรถรสการรับชมให้ผู้ใช้งานได้มากที่สุด ซึ่งความแตกต่างหลักๆ ก็เป็นเรื่องของประเภทหน้าจอ ขนาด และ ความคมชัด เราจะพาไปดูความแตกต่างของทีวีแต่ละแบบ เเละเปรียบเทียบทีวีแต่ละแบบด้วย เผื่อลูกค้าไม่รู้ว่าจะไปซื้อทีวีที่ไหน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจก่อนเลือกซื้อทีวีกันนะคะ 



1. ความแตกต่างของจอทีวี



1.1 ) LCD TV (Liquid Crystal Display) นับเป็นเทคโนโลยีรุ่นแรกของทีวีจอแบน ใช้หลอดไฟ CCFL เป็นตัวกำเนิดแสง ส่องผ่าน Liquid Crystal 3 สี (แดง/น้ำเงิน/เขียว) ที่บิดตัวทำองศาต่างๆ แสดงผลออกมาเป็นสีสันให้เราเห็นบนจอภาพ ซึ่งหลอด CCFL มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ทำให้ทีวีจอ LCD มีความหนามากกว่าทีวีแบบอื่นๆ



1.2 ) Plasma TV Plasma TV เทคโนโลยีของจอทีวีที่ใช้แรงดันไฟฟ้ากระตุ้นเม็ดพิกเซลให้ส่องแสง และแสดงออกเป็นภาพบนหน้าจอ ซึ่งให้สีสันที่มีความสมจริง เป็นธรรมชาติ ภาพดูมีมิติ แสดงภาพเคลื่อนไหวได้ดี ดูมีมิติ ให้ภาพกว้างกว่าทีวีจอ LCD แต่หากทีวีพลาสม่า ตั้งอยู่ในห้องที่มีแสงสว่างจ้า กระจกทีวีจะสะท้อนแสงจนคุณภาพของภาพที่แสดงบนหน้าจอลดลง ทั้งยังเป็นทีวีที่กินไฟ ปัจจุบันจึงไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่นัก



1.3 ) LED TV (Light Emitting Diode) LED TV (Light Emitting Diode) หลายคนคงเคยได้ยินชื่อทีวี LED บ่อยครั้ง เพราะถือเป็นทีวีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เทคโนโลยีทีวี LED ต่อยอดมาจากทีวี LCD โดยเปลี่ยนจากหลอดไฟ CCFL มาใช้หลอดไฟ LED 3 สี (แดง/น้ำเงิน/เขียว) เป็นตัวกำเนิดแสง ซึ่งให้แสงสว่างได้มากกว่า แต่กินไฟน้อยกว่า ทั้งยังมีขนาดเล็ก ทำให้ทีวี LED บางกว่าทีวี LCD มาก 



ทีวี LED มีหลายรูปแบบให้เลือกใช้ แบ่งตามประสิทธิภาพ ได้ดังนี้

1.3.1 ทีวี EDGE LED : ทีวี LED ที่จัดวางหลอดไฟ LED ไว้บริเวณขอบจอทีวี ข้อดี คือ ช่วยให้จอทีวีและขนาดของทีวีบางขึ้น กินไฟน้อย แต่สีสันจะไม่สู้ ทีวี Full LED 

1.3.2 ทีวี Full LED : ทีวี LED ที่จัดวางหลอดไฟ LED เต็มบริเวณแผงหน้าจอ ทำให้จอมีความหนามากกว่าทีวี EDGE LED แต่สีสันของภาพนั้นสดใส คมชัด ให้ Contrast สูง มีความสมจริง และให้อรรถรสในการชมได้มากกว่า     1.3.3 ทีวี RGB LED : ทีวี LED ที่จัดกลุ่มของหลอดไฟ LED 3 สี มาวางเรียงเต็มบริเวณแผงหน้าจอ ถือเป็นประเภททีวี LED รุ่นท็อป เพราะให้ภาพที่คมชัดมีมิติ และสีสันถูกต้องสมจริงมากที่สุด   \ 1.4 ) OLED TV (Organic Light Emitting Diode)



ทีวี OLED เป็นเทคโนโลยีจอทีวีสมัยใหม่ ไม่พึ่งหลอดไฟแต่จะใช้เม็ดพิกเซลเป็นแหล่งกำเนิดแสงคล้ายกับทีวีพลาสม่า ทำให้จอทีวีมีความบางลักษณะคล้ายแผ่นฟิล์ม สามารถยืดหยุ่นทำให้โค้งได้ (ที่เรียกกันว่าทีวีจอโค้ง) ภาพที่ได้จากทีวี OLED มีสีสันสมจริง และสวยงามสม่ำเสมอไม่ว่าจะนั่งดูทีวีจากมุมไหนของห้องก็ตาม 1.5 ) QLED TV (Quantum-Dot Light-Emitting Diode)




ทีวี QLED ใช้เทคโนโลยี Quantum Dot สุดล้ำ ทำงานร่วมกับสารเรืองแสงอนุภาคเล็ก สำหรับเป็นแหล่งกำเนิดแสงสร้างเม็ดพิกเซลเพื่อแสดงผลออกมาเป็นภาพ ซึ่งให้เฉดสีที่แม่นยำ 100% ภาพที่ออกมามีสีสันสมจริง เป็นธรรมชาติ และแสดงภาพคมชัดได้ไม่ว่าทีวีจะอยู่ในห้องมืดหรือห้องสว่างมากก็ตาม ถือเป็นเทคโนโลยีจอทีวีที่ทันสมัยที่สุดในเวลานี้ 2. Resolution ของทีวี

Resolution หรือความละเอียดของจอภาพ เป็นหนึ่งในจุดขายของทีวีหลายๆ รุ่น เพราะส่งผลโดยตรงกับอรรถรสและความเพลิดเพลินในการรับชม 2.1 ) ทีวี HD (High Defination)

ทีวี HD ความละเอียดของจอภาพอยู่ที่ 1366 x 768 พิกเซล เป็นความละเอียดของหน้าจอพื้นฐานของทีวีในท้องตลาด ให้ภาพคมชัด เหมาะสำหรับดูละครโทรทัศน์ และรายการทีวีต่างๆ ที่มีการเผยแพร่ภาพในระบบ HD อย่างช่องทีวีดิจิตอล เป็นต้น




2.2) ทีวี Full HD (Full High Defination) 

ทีวี Full HD ความละเอียดของจอภาพอยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล เหมาะสำหรับรับชมรายการในระบบทีวีดิจิตอล รวมถึงภาพยนตร์แบบ Blu-ray และรายการทีวีที่มีการเผยแพร่ภาพในระบบ Full HD



2.3) ทีวี UHD หรือ ทีวี 4K (Ultra High Defination )

ทีวี UHD ความละเอียดของจอภาพอยู่ที่ 3840 x 2160 พิกเซล ให้ความละเอียดของภาพมากกว่าทีวี Full HD ถึง 4 เท่า หรือที่เรียกกันว่าทีวี 4K ให้ภาพคมชัด เสมือนจริง เหมาะสำหรับคอภาพยนตร์ หรือเกมเมอร์ ที่ต้องการเพิ่มอรรถรสในการรับชม



3. ระยะห่างที่เหมาะสมกับทีวีแต่ละขนาด หลายคนอาจคิดว่า จะซื้อทีวีทั้งทีก็ต้องซื้อทีวีจอใหญ่ๆ จะได้ดูหนังมันส์ๆ เล่นเกมให้สะใจ แต่ที่จริงแล้วทีวีจอใหญ่ๆ ไม่ได้เหมาะกับบ้านทุกบ้าน หรือห้องทุกห้อง เพราะระยะห่างระหว่างจอทีวีและผู้ชม ก็ส่งผลต่ออรรถรสการรับชมเช่นกัน เหมือนกับเวลาที่เรานั่งดูหนังในโรงภาพยนตร์ที่ฉายบนจอผ้าขนาดใหญ่ยักษ์ หากนั่งอยู่ใกล้กับหน้าจอมากเกินไป ก็จะเห็นภาพได้ไม่เต็มหน้าจอ ทำให้เสียอรรถรสในการดูนั่นเอง ดังนั้น ขนาดหน้าจอทีวีที่เหมาะสม ควรเลือกยังไง? แนะนำให้เลือกจากระยะห่างระหว่าง ‘ตำแหน่งที่ตั้งของทีวี’ กับ ‘ตำแหน่งที่นั่งของคนดู’



ทีวีขนาด 56 นิ้ว และมากกว่า ควรตั้งให้ห่างจากคนดูในระยะ 3 เมตร ขึ้นไป

ทีวีขนาด 46 -55 นิ้ว ควรตั้งให้ห่างจากคนดูในระยะ 2.5 – 3 เมตร

ทีวีขนาด 40 – 45 นิ้ว ควรตั้งให้ห่างจากคนดูในระยะ 2 – 2.5 เมตร

ทีวีขนาด 32 – 39 นิ้ว ควรตั้งให้ห่างจากคนดูในระยะ 1.5 – 2 เมตร

ทีวีที่มีขนาดต่ำกว่า 32 นิ้ว ควรตั้งให้ห่างจากคนดูในระยะ 1 – 1.5 เมตร ก่อนซื้อทีวีซักเครื่อง ก็อย่าลืมวัดระยะ กะที่ตั้งให้ดี แล้วเลือกขนาดทีวีที่เหมาะสมจะได้ไม่เสียอรรถรสในการรับชม หวังว่า ข้อมูลความแตกต่างของทีวีแต่ละแบบที่เรารวบรวมมาให้ จะเป็นประโยชน์และช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ก่อนจะเลือกซื้อทีวี




ดู 3 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page